นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเสียภาษีอย่างไร?

      ในปัจจุบัน E-Commerce ได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทำให้การสั่งสินค้าจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าประเภทเสื้อผ้า เครื่องสำอาง กระเป๋า รองเท้า หรือสินค้าอื่นๆใดก็ตามเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ง่ายๆ อีกทั้งไม่ต้องผ่านร้านพรีออเดอร์ที่อาจทำให้เป็นกังวลหรืออาจจะโดนโกงได้  เพราะสามารถกดส่งมาเองได้เลย แต่การสั่งสินค้าจากต่างประเทศนั้นก็มีสิ่งหนึ่งที่สำคัญเลยก็คือเรื่องของภาษีนำเข้า ที่จะต้องจ่ายเมื่อสั่งของจากต่างประเทศ

ดังนั้น CPLINTER จึงมาให้สาระน่ารู้ว่าภาษีนำเข้าคืออะไร จะต้องเสียภาษีเท่าไหร่ และสินค้าอะไรบ้างที่จะต้องเสียภาษีในการนำเข้าจากต่างประเทศ

 

 ภาษีนำเข้า

ภาษีที่เราต้องเสียเมื่อส่งของมาจากต่างประเทศ หรือสั่งซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ต่างประเทศ โดยมีเงื่อนไขว่าถ้าหากสินค้ามีมูลค่าเกิน 1,500 บาทขึ้นไปจะต้องจ่ายภาษีเพื่อนำของชิ้นนั้นเข้ามายังประเทศไทย แต่หากสินค้ามีมูลค่าไม่เกินที่กำหนดจะไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า

 

สินค้าประเภทที่ต้องเสียภาษีนำเข้า

  • 30% สำหรับสินค้าประเภท เครื่องสำอาง หมวก น้ำหอม รองเท้า ผ้าห่ม ร่ม
  • 20% สำหรับสินค้าประเภท กระเป๋า
  • 10% สำหรับสินค้าประเภท CD DVD อัลบั้ม Power Bank หูฟัง Headphone Earphones ตุ๊กตา
  •   5% สำหรับสินค้าประเภท นาฬิกา แว่นตา แว่นกันแดด
  • สินค้าที่ได้รับการยกเว้นภาษี แต่เสีย VAT 7% ได้แก่ นิตยสาร Photobook คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ เมาส์

 

สินค้าประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า

นอกจากการนำเข้าสินค้าทั่วไปที่มีราคาต่ำกว่า 1,500 บาท ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าแล้วก็ยังมีสินค้าบางรายการหรือบางประเภทที่ได้รับยกเว้นในค่าใช้จ่ายส่วนนี้ด้วยเช่นกัน ประกอบไปด้วย

  1. ของใช้ส่วนตัวที่นำเข้าจากต่างประเทศมูลค่ารวมต่ำกว่า 10,000 บาท
  2. สินค้าปลอดภาษี(Duty Free) มูลค่ารวมต่ำกว่า 20,000 บาท
  3. บุหรี่ต่ำกว่า 200 มวน หรือ ยาสูบน้ำหนักน้อยกว่า 250 กรัม
  4. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีปริมาณน้อยกว่า 1 ลิตร

 

วิธีคำนวณภาษีนำเข้าสินค้า

หากสินค้ามีมูลค่ามากกว่า 1,500 บาทต้องเสียภาษี และจะมีภาษีที่ต้องจ่าย 2 ประเภทด้วยกัน คือ

   1. ภาษีนำเข้า = ขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้า

โดยสามารถคำนวณภาษี ตามสูตร ดังนี้

          [ค่าสินค้า+ค่าส่ง+ค่าประกันภัย(ถ้ามี)] x อัตราภาษีนำเข้า(%) = ภาษีนำเข้า

    2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม  = VAT 7%

โดยสามารถคำนวณภาษี ตามสูตร ดังนี้

          [ค่าสินค้า+ค่าส่ง+ค่าประกันภัย(ถ้ามี) + ภาษีนำเข้า] x VAT7% = ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม

ดังนั้น ภาษีทั้งหมดที่ต้องจ่าย = ภาษีนำเข้า+ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 

 

ยกตัวอย่างเช่น นำเข้ากระเป๋าจากต่างประเทศรวมค่าส่ง ราคา 3,000 บาท ดังนั้นภาษีสินค้าประเภทกระเป๋าจะคิดเป็น 20%

คำนวณโดย

  1. ภาษีนำเข้า คำนวณจาก มูลค่าสินค้ารวมค่าส่ง(3,000) x ภาษีประเภทสินค้า(20%) = 600 บาท
  2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม คำนวณจาก [มูลค่าสินค้ารวมค่าส่ง(3,000) + ภาษีนำเข้า(600)] x VAT7% = 252 บาท
  3. ภาษีทั้งหมดที่ต้องจ่ายเท่ากับ ภาษีนำเข้า(600)+ภาษีมูลค่าเพิ่ม(252) = 852 บาท

 

        สรุปแล้ว เมื่อสั่งซื้อสินค้า หรือนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศมายังประเทศไทย ไม่ว่าจะกรณีใดๆก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงภาษีที่จะต้องเสียได้ นอกจากจะเป็นสินค้าที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี และเมื่อหากรู้วิธีคำนวณภาษีแล้วหากต้องการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ CPLINTER  เราเป็นบริการขนส่งระหว่างประเทศแบบครบวงจร ช่วยคุณทั้งบริการส่งของไปต่างประเทศทางเครื่องบิน บริการส่งของไปต่างประเทศทางรถ บริการส่งของไปต่างประเทศทางเรือ บริการบรรจุสินค้า เตรียมเอกสารสำหรับส่งออก เดินพิธีการขาเข้าและขาออก สนใจส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ สอบถามซีพีแอล โทร 02-519-4426, 063-519-4426, 091-519-4426 Line @cplinter หรือสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.cplinter.com ได้เลยค่ะ

สนใจนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ

เพื่อให้การส่ง ของท่านเป็นไปอย่างราบรื่นสามารถนำรายละเอียดสินค้าที่ต้องการจะส่งมาให้เราช่วยตรวจสอบก่อน

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ

แชทคุยโดยตรงได้ที่
LINE ID : @cplinter